หนึ่งในปัญหาใหญ่ของคนที่เลือกซื้อกีต้าร์โดยเฉพาะมือใหม่จะมีอยู่ 2 เรื่อง คือยี่ห้อไหนดี และทรงอะไรดี ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้ออย่าง Taylor, Sigma หรือ Fender ก็จะมีทรงกีต้าร์มากมายจนคนซื้อเลือกไม่ถูก วันนี้ TheGuitarism จะมาอธิบายถึงทรงกีต้าร์ต่างๆว่ามีเสียงที่แตกต่างกันยังไง หรือเหมาะกับผู้เล่นแบบไหน เพื่อที่เพื่อนๆจะได้กีต้าร์ที่เหมาะกับตนเอง เล่นได้ถนัดมือเหมาะกับรูปร่างและได้เสียงตรงตามความต้องการไปเล่นแนวเพลงที่ชอบได้
ทรงแรกคือทรง OM Dreadnough หรือทรงคอนเสิร์ต
เป็นทรงที่มีขนาดเล็กเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปจะมีความยาวช่วงบอดี้แค่ 13 นิ้วครึ่ง เป็นทรงยอดนิยมในช่วงศตวรรษที่ 19 มีขนาดใหญ่กว่าทรง P อยู่เล็กน้อย เป็นทรงที่ทำมาให้เสียงมีความกังวานมากขึ้นกว่าเดิม และยังนิยมมาจนถึงปัจจุบัน มีกีต้าร์ยี่ห้อใหม่ๆมากมายผลิตทรง O หรือทรงคอนเสิร์ตออกมา เหมาะกับคนตัวเล็ก ให้เสียงกลางและเสียงสูงดีเช่นเดียวกับทรง P เหมาะกับการเล่นฟิงเกอร์สไตล์เช่นเดียวกัน
จุดเด่นทรง OM Dreadnough
– มีขนาด 39-40 “
– บอดี้ใหญ่
– เสียงละเอียด คมชัด และเสียง Clear
– เหมาะกับ Finger Style
ทรงที่ 2 เป็นทรง D หรือ ทรง Dreadnought cutaway
เป็นทรงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมากที่สุดเนื่องจากมีหลายยี่ห้อนิยมผลิตกีต้าร์ทรงนี้ เป็นทรงที่มีขนาดใหญ่ เป็นอีกทรงที่มีบาลานซ์เสียงดีเยี่ยมเล่นได้ทุกแนวจึงนิยมกันมาก แต่จะมีขนาดบอดี้ที่ใหญ่กว่าทรง GA อยู่พอสมควร ทำให้คนตัวเล็กหรือผู้หญิงอาจจะรู้สึกลำบากยามเล่นกีต้าร์ทรงนี้ แต่ถ้าเป็นผู้ชายตัวใหญ่นั้นเหมาะกับการเป็นกีต้าร์ตัวแรกอย่างมาก หาซื้อง่าย และเสียงได้มาตรฐาน เล่นได้ทุกแนวดนตรี
จุดเด่นทรง D หรือ ทรง Dreadnought cutaway
– มีขนาด 41 “
– บอดี้ใหญ่กว้าง
– เสียงกังวาน
– เหมาะกับการตีคอร์ด
– เป็นทรงยอดนิยมที่เล่นได้หลากหลายแนวเพลง
แต่จริงๆนั้น กีต้าร์ยังมีรูปทรงต่างๆอีกมากมาย วันนี้ TheGuitarism ยกตัวอย่างทรงยอดฮิตในปี 2022 มาฝากคร่าวๆ
ทรงที่ 3 เป็นทรง P ย่อมาจาก Parlor
เป็นทรงกีต้าร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนที่ผลิตกีต้าร์ในยุคแรกๆ ขนาดจะค่อนข้างเล็กมีความยาวช่วงสายแค่ 610 มม. หรือ 24 นิ้ว ต่างจากกีต้าร์ปัจจุบันที่จะมีความยาวช่วงสายที่ 640 มม. ทำให้กีต้าร์ทรงนี้จะมีช่วงที่สั้น ไม่ว่าเฟรตต่างจะเล็ก เหมาะสำหรับคนตัวเล็กเล่นอย่างมาก แต่ทรงนี้ปัจจุบันไม่ค่อยผลิตออกมามากเท่าไหร่นัก เมื่อตัวเล็กแล้ว ย่านเสียงกลางและเสียงสูงจะโดดเด่น ทำให้เหมาะกับการเล่นฟิงเกอร์สไตล์มาก
จุดเด่นทรง P ย่อมาจาก Parlor
– มีขนาด 38 “
– เป็นทรงโบราณ มีขนาดเล็ก กระชับ เล่นง่าย สายนิ่ม
– โฟกัสย่านเสียงกลาง และกลางสูง
– เหมาะกับการเล่น Finger Picking หรือ Blues ,Country
ทรงที่ 4 คือทรง GA หรือ Grand Auditorium
ทรงนี้มีหลายยี่ห้อที่ผลิตอกอมาสู่ตลาดกีต้าร์โปร่งในปัจจุบัน เป็นหนึ่งในทรงยอดนิยมเพราะมีบาลานซ์ของเสียงดี ไม่ว่าจะเล่นแบบฟิงเกอร์สไตล์หรือตีคอร์ดก็ทำได้ดีทั้งคู่ มีความโดดเด่นที่ช่วงท้ายบอดี้จะใหญ่เพื่อให้เสียงกังวานมากขึ้นโดยที่ยังคงขนาดกีต้าร์ไว้ที่ความยาวช่วงสาย 25.5 นิ้วเช่นเดิม หากใครกำลังมองกีต้าร์ตัวแรกแนะนำว่าเป็นทรงนี้จะดีเนื่องจากเล่นง่าย เหมาะทั้งแนวแจ๊ส,บลูส์ หรือคันทรีได้ทั้งหมด
จุดเด่นทรงGA หรือ Grand Auditorium
– มีขนาด 40 “
– เป็นทรงที่มีบอดี้ช่วงล่างใหญ่
– มี Balance เสียงดี กังวาน และหนา
– เหมาะกับการเล่น Finger Picking และ Strum ได้ดี
ทรงสุดท้ายคือทรง J หรือ Jumbo
ชื่อก็่บ่งบอกอยู่แล้วว่ามีขนาดที่ใหญ่ เป็นเหมือนการผสมผสานของทรงเดรทน็อตกับทรง GA เข้าด้วยกัน คือมีความยาวเท่ากับทรงเดรทน็อต แต่เพิ่มขนาดช่วงท้ายบอดี้มากขึ้นไปอีก ทรงนี้จึงมีเสียงที่เฉพาะตัวคือให้เสียงทุ้มดีมาก และเสียงแหลมออกน้อย เหมาะกับดนตรีเฉพาะทางเช่นแนวร็อคแอนด์โรล หรือแนวดนตรีที่ต้องใช้เสียงทุ้มมากๆ ปกติแล้วทรงนี้ผลิตออกมาไม่มากนัก และไม่เหมาะกับผู้เล่นหน้าใหม่ แต่ถ้าใครชอบซาวด์หนาๆอาจเอามาเป็นกีต้าร์ตัวแรกได้
จุดเด่นทรง J หรือ Jumbo
– มีขนาด 42 “
– ทรงใหญ่ ลำตัวกว้าง
– ย่านเสียงกลาง ที่น้อย เสียงลึก ละมุน รองรับการดีดหนักๆ
– เหมาะกับการเล่น Rock n’ Roll หรือ Rockabilly
และนี่คือทรงกีต้าร์หลักๆ 5 ทรงที่เห็นกันในตลาดทั่วไป แน่นอนว่าทาง TheGuitarism ก็มีกีต้าร์ทั้ง 5 ทรงนี้วางจำหน่ายในร้านพร้อมจะให้เพื่อนๆเป็นเจ้าของกันอยู่ บทความนี้น่าจะช่วยให้เพื่อนๆเลือกทรงกีต้าร์ที่เหมาะกับตัวเองได้พอสมควร โดยเฉพาะคนตัวเล็กหรือคนที่ชอบดนตรีเฉพาะแนวอาจต้องเลือกสรรกันมากหน่อย แต่ถ้าเพื่อนๆอยากลองเสียงว่าแต่ละทรงเป็นยังไงมาลองได้ที่ร้านเลยครับ พนักงานหน้าร้านพร้อมช่วยเหลือให้ความรู้เพื่อนๆเพื่อให้ได้กีต้าร์ดีๆก่อนออกจากร้านไปอย่างแน่นอน
TheGuitarism สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ !
Facebook : TheGuitarism จําหน่ายเครื่องดนตรีปลีก เเละ ส่ง
Tel : 097-189-2969